กิจวัตรประจำวันเวลาคุณตาเดินทางมาเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่และผมที่บ้านในช่วงเย็นๆ และนอนพักที่บ้านผม 1 คืน โดยในวันรุ่งขึ้นนั้นคุณพ่อคุณแม่และผมจะกราบขออนุญาตพาคุณตาไปทานข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารภายในห้างสรรพสินค้า หรือแวะไปร้านอาหารที่คุณตาท่านชอบรับประทานแล้วถึงค่อยกราบขออนุญาตพาคุณตากลับมาส่งที่บ้านของคุณตาในช่วงบ่ายๆ ของวันนั้นๆ

มีอยู่ครั้งหนึ่งในช่วงสายๆ ก่อนเที่ยง ก่อนที่เราจะออกเดินทางไปทานข้าวเที่ยงร่วมกันนั้น ผมกำลังนั่งเล่นอยู่หลังบ้าน (กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ ระหว่างที่กำลังนั่งกลุ้มใจอยู่นั้น) และคุณตาท่านเดินออกมานั่งเล่นเป็นเพื่อนผม พร้อมกับมีการพูดคุยกันในภาษาคุณตากับหลานชาย พอดีในช่วงนั้นผมกำลังมีปัญหาในบางเรื่องอยู่ คุณตาท่านถามผมว่า อาเฮาเป็นอย่างใดบ้าง ผมบอกว่าสบายดีครับคุณตา โดยไม่กล้าเล่าถึงปัญหาที่กำลังพบเจอให้กับคุณตาฟัง เพราะกลัวคุณตาจะเป็นห่วงและเป็นกังวลใจด้วยครับ

แต่คิดว่าคุณตาท่านคงพอจะทราบถึงปัญหาคร่าวๆ ของผม เพราะท่านสังเกตจากสีหน้าและแววตาของผมได้ว่า กำลังมีความวิตกกังวลอยู่ในบางเรื่อง

คุณตาท่านบอกกับผมว่า อาเฮาอย่าคิดมาก ค่อยๆ คิด ค่อยๆ แก้ปัญหานะ อย่าไปวิตกกังวลมากนัก

ผมคิดว่าคุณตาท่านคงจะอ่านใจผมออกว่า ผมกำลังคิดและกังวลในเรื่องใด บวกกับคุณตาคงพอจะทราบเรื่องราวต่างๆ จากคุณพ่อคุณแม่ของผม โดยคุณตาท่านยิ้ม และพูดให้กำลังใจผม

ในความรู้สึกลึกๆ ของผมเมื่อเราได้พูดคุยกับคุณตาแล้ว เรารู้สึกมีความสุข และบอกกับคุณตาว่ากราบขอบพระคุณคุณตามากๆ นะครับ

คุณตาบอกว่า ถ้าคุณตาพอจะช่วยอะไรได้ คุณตาก็อยากจะช่วยผมครับ

ซึ้ง ทึ่ง นิ่ง ดีใจ และประทับใจเป็นที่สุดเลยครับผม

ผมกราบขอบพระคุณคุณตาที่สุดเลยนะครับผม

ผมยังจำภาพบรรยากาศในตอนนั้นได้เป็นอย่างดี และเน้นย้ำบอกกับคุณตาว่า ผมไม่เป็นไรครับ

คือ จริงๆ แล้วผมไม่กล้าเล่าถึงปัญหาต่างๆ ที่กำลังประสบพบเจออยู่ให้กับคุณตาฟังเลยครับ เพราะผมไม่อยากทำให้คุณตาต้องเป็นกังวลใจไปพร้อมๆ กับผมด้วยครับ

ผมไม่อยากทำให้คุณตาท่านเครียดด้วยครับผม  

แต่คุณเชื่อไหม หลังจากที่ผมได้พูดคุยกับคุณตาแล้ว ผมรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลยครับ

คุณตาท่านช่วยเป็นกำลังใจให้เรา ทำให้เรามีพลัง มีกำลัง และมีความคิดที่จะต้องต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ เหมือนกับที่คุณตาท่านเคยต่อสู้และฝ่าฟันกับปัญหา และอุปสรรคต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมาเช่นกัน

ถึงตรงนี้ ผมจึงบอกกับตัวเองว่า เราต้องฮึดสู้อีกครั้ง พร้อมกับยิ้มให้คุณตา และบอกกับคุณตาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มขึ้นว่า ผมไม่เป็นไรจริงๆ ครับคุณตาครับ

จะว่าไปแล้วถ้าเทียบกับในอดีตที่ผ่านมานั้นคุณตาท่านต้องพบเจอกับปัญหา และอุปสรรคต่างๆ มากมายเช่นกัน แต่สุดท้ายคุณตาท่านสามารถฟันฝ่ากับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ มาได้ด้วยดี ดังนั้น เราจึงต้องอดทน เข้มแข็ง และค่อยๆ แก้ไขปัญหาให้ได้ เพราะเรามีต้นแบบ คือ คุณตา และท่านเองได้ทำงานหนักเพื่อสร้างครอบครัวของคุณตาในช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ โดยส่วนตัวแล้วเรายังพอจะทัน เราเคยได้ยิน เราเคยได้ฟัง เราเคยได้รับทราบ และเราเคยได้เห็นเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ของคุณตามาตั้งแต่ในสมัยตอนที่เรายังเป็นเด็กๆ จนเติบโตขึ้นมาเป็นเราในวันนี้

คุณตาท่านได้เคยผ่านเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้มาก่อน ขณะที่เราเองเพิ่งเริ่มต้น ดังนั้น เราจึงต้องอดทน และต้องพยายามเพิ่มขึ้น เพราะเราเป็นหลานชายของคุณตา

เราต้องพยายามทำให้ได้ แม้ว่าในบางครั้งเราท้อใจสุดๆ แต่เราต้องพยายามทำให้ได้ เราต้องพยายามทำตามในสิ่งที่คุณตาท่านเคยทำมา (แม้ว่ากาลเวลาและปัญหาอาจจะแตกต่างกัน) แต่ถ้าเราคิดว่าเราต้องทำให้ได้ สักวันหนึ่งเราคิดบวกว่าเราต้องทำให้ได้ และสุดท้ายถ้าเราทำได้ เราจะดีใจและภูมิใจในสิ่งที่เราทำเป็นที่สุด

มาถึงตรงนี้ เรารู้สึกดีใจ และได้รับแรงใจจากคุณตา ทำให้เราเริ่มที่จะมีความหวังเพิ่มขึ้น หลังจากที่ตอนนั้นเรากำลังประสบกับปัญหาอยู่ก็ตาม

ในขณะเดียวกัน เราต้องการทำให้คุณตาท่านสบายใจ เราต้องทำให้คุณตาท่านรู้ว่าเราไม่เครียด เราไม่มีปัญหา และเราสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ เหล่านี้ได้

เรานึกแบบนี้ และด้วยความคิดในตอนนั้นที่เราต้องคิดบวก เพราะเราเชื่อว่าถ้าเรามีความสุข เราไม่เครียด เราหัวเราะ คุณตาท่านก็จะมีความสุข เพราะเห็นเรามีความสุข

แม้ว่าในวันนี้ ในวันที่คุณตาท่านไม่ได้อยู่กับเราแล้ว แต่ผมยังแอบคิดอยู่เสมอว่า คุณตาท่านยังคงเฝ้ามองผมอยู่ ท่านรักผม และผมก็รักคุณตาครับผม

พลังคิดบวกในวันนั้น ทำให้เราต้องอดทนและต่อสู้กับปัญหาในวันนั้น โดยเราคิดว่า เราต้องผ่านพ้นปัญหาดังกล่าวนี้ไปให้ได้ เรานึกในใจว่าเราไม่อยากทำให้คุณตาเครียด เราต้องคิดบวก และคิดว่าเราจะต้องผ่านปัญหาและอุปสรรคในครั้งนั้นไปให้ได้

เราคิดย้ำอยู่ในใจแค่นี้ และย้ำอยู่ในใจแบบนี้ไปมาหลายรอบ สุดท้ายเราสามารถผ่านพ้นปัญหาในครั้งนั้นไปได้ด้วยดี

จะว่าไปแล้ว คุณตาท่านเป็นแรงบันดาลใจทำให้เราฮึดสู้ต่อไป

เราเคยเห็นรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคาบเหงื่อไคลของคุณตา เวลาคุณตาทำงาน เราเห็นและรับรู้ว่าคุณตาท่านเหนื่อยมากๆ แต่ท่านมีความสุข และท่านสุขใจที่ได้ทำ

ภาพที่ผมเห็นตั้งแต่เด็กจนโต คือ คุณตาท่านใจดีที่สุด และคุณตาท่านเป็นที่รักของเพื่อนๆ ของคุณตา ของครอบครัว และของเครือญาติของคุณตา เราได้เห็นความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และความเอื้ออาทรซึ่งกันและกันในช่วงที่ผ่านมา

เรายังจำภาพต่างๆ เหล่านี้ได้เป็นอย่างดี

ภาพทุกภาพยังคงเล่าย้อนให้เราได้นึกถึงเป็นประจำจนถึงทุกวันนี้

แม้ว่าในวันนี้ ในวันที่คุณตาท่านไม่อยู่กับเราแล้ว แต่ความรัก ความเมตตา ความเอ็นดู ความกรุณา และความหวังดีที่คุณตาท่านเคยสอนผมนั้นยังคงอยู่

และในวันที่ผมรู้สึกท้อใจ ผมจะนั่งนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ย้อนกลับไปนึกถึงสิ่งที่คุณตาท่านเคยสอนผมในตอนนั้น

ตรงนี้เป็นเหมือนกับน้ำทิพย์ และยาทิพย์ที่ค่อยช่วยทำให้ผมมีแรง และมีพละกำลังที่จะต่อสู้อีกครั้ง เพราะผมเชื่อว่า คุณตาท่านยังคอยเฝ้ามองผมอยู่ คุณตาท่านยังรัก และยังค่อยให้กำลังใจผมอยู่

ผมรักคุณตาครับ

คำสอนของคุณตาในวันนั้น ยังคงกึกก้องอยู่ในความทรงจำของผมในวันนี้ และยังคงเป็นเหมือนกับน้ำทิพย์ และยาทิพย์ที่ช่วยทำให้ผมต้องลุกขึ้นสู้ต่อไป (เวลาเรารู้สึกท้อใจและหมดหวัง) เพราะถ้าเราไม่สู้ เราจะไม่สามารถผ่านพ้นกับปัญหา และอุปสรรคต่างๆ ไปได้

เราต้องใช้แรงบันดาลใจในวันนั้น เพื่อมาช่วยแก้ไขปัญหาในวันนี้ หรือในอนาคตให้ได้ต่อไป

สำหรับการแก้ไขปัญหานั้นต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจจะต้องเหนื่อยมาก แต่ถ้าเทียบกับคุณตาแล้ว คุณตาท่านก็เคยเหนื่อย ท่านก็เคยทุกข์ แต่สุดท้ายท่านสามารถผ่านพ้นกับปัญหา และอุปสรรคต่างๆ เหล่านี้มาได้เช่นกัน

ดังนั้น ถ้าเรายึดมั่นในแบบอย่างที่คุณตาท่านเคยทำมา เราต้องคิดบวก เราต้องคิดเสมอว่าเราจะต้องฝ่าฟันกับปัญหา และอุปสรรคต่างๆ เหล่านี้ไปให้ได้ เช่นเดียวกับที่คุณตาท่านเคยทำมาก่อน เพราะคุณตาท่านคือต้นแบบ และเป็นแบบอย่างให้เราเดินตาม

ผมต้องกราบขอบพระคุณคุณตาที่สุดเลยนะครับผม

คำสอนของคุณตา เป็นแรงพลังให้ผมต้องฮึดสู้ต่อไป เพราะตราบใดที่เรายังมีชีวิต และยังมีลมหายใจ เราคงต้องสู้ สู้เหมือนกับที่คุณตาท่านเคยทำมาในอดีต คือ คุณตาท่านเคยต่อสู้กับปัญหา และอุปสรรคเพื่อครอบครัวของคุณตา

ผมรักคุณตาครับ