“คิดถึงคุณพ่อ” “ป๋าวุธ ธีรพงษ์” (ภาคที่ 14)

“มาเป็นครอบครัวคุยสบายสไตล์มิสเตอร์เฮากันนะจร้า ไชโยๆๆๆๆๆ” เป็นคำพูดที่ผมพูดแล้วคุณพ่อคุณแม่ท่านชอบ และท่านหัวเราะและบอกเชิญชวนให้เพื่อนๆ มาร่วมกันเป็นครอบครัวคุยสบายสไตล์มิสเตอร์เฮาร่วมกันเยอะๆ นะครับผมในช่วงที่ผ่านมา

แต่ในวันนี้ ครอบครัวคุยสบายสไตล์มิสเตอร์เฮาของผม ยังคงอบอุ่นไปด้วยความรัก ความเมตตา ความคิดถึง และความผูกพัน ที่คุณพ่อมีให้กับครอบครัวของเรา ท่านรักและเป็นห่วงรายการคุยสบายสไตล์มิสเตอร์เฮาเป็นที่สุด

ท่านเคยบอก และสอนผมเสมอว่า เราต้องสู้ เราต้องอดทน เราต้องขยัน และเราต้องมองหาโอกาสที่จะทำให้เราสามารถอยู่รอดได้ต่อไป แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา เราจะต้องประสบกับปัญหาต่างๆ มากมาย แต่เราต้องสู้

คุณพ่อคุณแม่ท่านร่วมสู้กับผมเสมอมา ท่านไม่เคยทอดทิ้งเราแม้แต่ครั้งเดียวในช่วงที่ผ่านมา

แต่ในวันนี้ ในวันที่คุณพ่อท่านไม่อยู่แล้ว แต่เจตนารมณ์ของท่านยังคงอยู่ ผมไม่กล้ารับปาก แต่ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อคุณพ่อคุณแม่ครับ

คุณพ่อท่านไม่เคยเบื่อที่จะคอยสอนให้ผมต้องตั้งใจทำงาน ให้พยายามออกไปทำข่าว ออกไปพบแหล่งข่าว ออกไปพบลูกค้า ออกไปเจอเพื่อนๆ ออกไปเที่ยวไปพักผ่อนบ้าง เพราะท่านแอบเห็นผมเครียด ผมเหนื่อย ผมล้า และในบางครั้งผมเหมือนกับหมดอาลัยตายอยากในชีวิต

ท่านแอบพูดกับคุณแม่เป็นประจำว่า ท่านเป็นห่วงผม ท่านสงสารผม ท่านอยากช่วยผม ถ้าท่านพอจะช่วยอะไรได้ท่านอยากจะช่วยผม

“อาป๊าแอบบ่นให้คุณแม่ฟังว่า บางที เฮา ก็ไม่เข้าใจอาป๊านะ”

เศร้าใจจัง!

ถ้าเป็นความฝัน และผมสามารถทำความฝันให้เป็นจริงได้ ผมอยากฝันให้ตัวเองเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ ผมจะย้อนเวลากลับไปแล้วรีบลบภาพบรรยากาศอันแสนทรมานใจในช่วงเวลาที่รายการคุยสบายสไตล์มิสเตอร์เฮาต้องพบเจอกับพายุกระหน่ำในเรื่องโฆษณาให้หมดไป พร้อมกับเสกคาถามหานิยมที่ช่วยทำให้รายการคุยสบายสไตล์มิสเตอร์เฮามีโฆษณาเข้ามาอย่างล้นทะลักตลอดเวลาเลยครับผม

ผมไม่อยากทำให้คุณพ่อคุณแม่เครียดเลยครับ เรื่องโฆษณาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่เครียดหนักมาก นอกจากนี้ ก็มีเรื่องของผมเสริมที่มักทำให้คุณพ่อคุณแม่เครียด และไม่สบายใจเช่นกันครับ แย่จังผม!

ภาพบรรยากาศตอนคุณพ่อคุณแม่เครียดนั้น ช่างเป็นภาพที่บาดใจเราเป็นอย่างยิ่ง ในตอนนั้นเราอาจจะไม่ได้คิดอะไรมาก เมื่อเทียบกับตอนนี้

แต่เมื่อมานั่งคิดถึงภาพตอนนั้นในขณะนี้ พูดได้คำเดียวว่า “มันเป็นภาพที่ลูกอย่างผมบอกตามตรงว่า ไม่อยากเห็นเลยจริงๆ ครับ” โดยเฉพาะภาพใบหน้าของคุณพ่อคุณแม่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเครียด และความทุกข์ใจ

เวลาเราเจอปัญหาหนักใจหนักๆ เรามักจะนั่งคุยกัน และนั่งมองหน้ากัน 3 คนพ่อแม่ลูก และบอกกันว่า แล้วเราจะทำอย่างใดดี

“เราจะแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่พบเจอได้อย่างใด”

คิดๆๆๆๆๆๆๆ สุดท้ายเราก็ได้คำตอบ และมักพูดพร้อมๆ กันเสมอว่า ต้องมีสักวัน ต้องมีสักวันที่เป็นวันของเรา วันของครอบครัวเรา วันที่เราสามารถแก้ไข และก้าวผ่านปัญหา และอุปสรรคต่างๆ ไปได้ด้วยดี

คุณพ่อท่านไม่เคยเบื่อในการทำหน้าที่ของคุณพ่อเลยครับ ขณะที่คุณแม่ท่านก็ทำหน้าที่ของท่านได้อย่างเต็มร้อยเลยจริงๆ ครับผม

(บันทึกความทรงจำเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน 2563)