คิดถึงคุณพ่อ” “ป๋าวุธ ธีรพงษ์” (ภาคที่ 18)

ในช่วงที่คุณพ่อป่วย ท่านเคยบอกว่า “เฮา อาป๊าอยากไปกราบสักการะ และกราบขอพรท่านพ่อปู่ท้าวเวสสุวรรณ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆ พระองค์ที่วัดจุฬามณี จ.สมุทรสงคราม เฮา ช่วยพาอาป๊าไปหน่อยนะครับ”

ผมบอกกับอาป๊าว่า “เดี๋ยวอาป๊าหาย หรือออกจากโรงพยาบาลแล้วเดี๋ยวผมขออนุญาตพาอาป๊า อาม้า และคุณน้าๆ ไปกราบสักการะ และกราบขอพรท่านพ่อปู่ท้าวเวสสุวรรณ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆ พระองค์ที่วัดจุฬามณี จ.สมุทรสงคราม ร่วมกันอีกนะครับผม”

อาป๊าท่านดีใจ และมีความสุขที่ผมกราบพาท่าน คุณแม่ และคุณน้าๆ ร่วมเดินทางไปกราบสักการะ และกราบขอพรท่านพ่อปู่ท้าวเวสสุวรรณ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆ พระองค์ที่วัดจุฬามณี จ.สมุทรสงคราม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา

และยังมีอีกหลากหลายสถานที่ที่ผมกราบบอกกับอาป๊าว่า อยากจะกราบขออนุญาตพาอาป๊าไปด้วยนะครับ

แต่แล้วผมก็ทำไม่สำเร็จ และไม่มีโอกาสได้ทำสำเร็จอีกแล้วครับผม

อีกหนึ่งสถานที่ที่คุณพ่อท่านตั้งใจเสมอมาว่า ถ้ามีโอกาส ท่านอยากจะไปที่สุด (หรือครั้งหนึ่งในชีวิต) ซึ่งนั่นก็คือ กำแพงเมืองจีน ท่านหวังว่าสักวันหนึ่งท่านอยากจะไปเที่ยวกำแพงเมืองจีน ไปเที่ยวและเยี่ยมชมจัตุรัสเทียนอันเหมิน พระราชวังต้องห้าม พระราชวังฤดูร้อน และสถานที่อื่นๆ อีกมากมายในช่วงที่ผ่านมา

แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้ไป และเราไม่มีโอกาสพาคุณพ่อไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ที่คุณพ่อท่านอยากไปอีกแล้ว

ในช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ เราติดขัดในหลากหลายเรื่อง (ทั้งเรื่องสุขภาพ และสถานะทางการเงินที่ยังไม่พร้อม) เลยไม่สามารถพาท่านไปเที่ยวได้เช่นกัน

นึกแล้วก็ยิ่งเศร้าใจ

คุณพ่อท่านเคยบอกกับคุณแม่ว่า “ท่านอยากไปเที่ยว แต่ติดในหลากหลายปัญหา แล้วท่านก็ยิ้ม และบอกว่า งั้นเอาไว้ก่อนละกัน เดี๋ยวพร้อมค่อยไป”

สุดท้ายเรายังไม่ได้พาท่านไป และที่สำคัญ คือ เราไม่มีโอกาสได้พาคุณพ่อไปเที่ยวแล้วครับ เราไม่สามารถทำความฝันของคุณพ่อได้สำเร็จแล้วครับ

รู้สึกเศร้าใจ

และนั่งนึกถึงคำพูด และคำสอนของท่านผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคยสอนว่า “เวลาไม่เคยรอใคร” ถ้าคิดอยากจะทำอะไร ต้องรีบทำ อย่ารอให้พร้อมค่อยทำ เพราะถ้าถึงตอนนั้น เราอาจจะไม่มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่หวัง และฝันได้สำเร็จ

ชีวิตนั้นสั้นกว่าที่เราคิดจริงๆ และเราไม่รู้เลยว่า ในวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับเรา และเราจะผ่านวันพรุ่งนี้ไปได้อีกกี่วัน” ดังนั้น ประสบการณ์ในเรื่องนี้จึงสอนให้เราได้เรียนรู้ว่า เราควรจะต้องรีบทำในสิ่งที่เราตั้งใจ ใฝ่ฝัน และอยากทำในทันที (แม้ว่าเราจะต้องกู้ เป็นหนี้ หรือไม่พร้อมก็ตาม)

เพราะถ้าเรารอให้เราพร้อมก่อน และเมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ แล้ว เราอาจจะไม่มีโอกาส และไม่สามารถทำได้ตามที่เราตั้งใจ และอยากจะทำแล้วก็ได้

ประสบการณ์ครั้งนี้ สอนให้ผมรู้ว่า “เราควรจะรีบทำในสิ่งที่เราอยากทำ พอจะทำได้ และตั้งใจทำในทันที และที่สำคัญ เราไม่ควรทิ้งโอกาสที่อยากจะทำ เพียงเพราะหวังว่าในวันหลังเมื่อเราพร้อมแล้วเราค่อยทำ”

เศร้าใจ ผมไม่มีโอกาสแล้วครับ วันเวลาไม่รอให้ผมได้ทำให้กับคุณพ่อที่ผมเคารพรักอีกแล้วครับผม

(บันทึกความทรงจำเมื่อวันศุกร์ที่ 08 พฤษภาคม 2563)