เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม นายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวภายหลังร่วมพิธีเปิดโรงกำจัดขยะไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อมหนองแขม ถึงกรณีที่นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีตส.ส.กทม.พรรคปชป ออกมแถงข่าวว่ากรณีการจัดซื้อ เครื่องสูบน้ำชนิดลากจูง

 

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม นายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวภายหลังร่วมพิธีเปิดโรงกำจัดขยะไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อมหนองแขม ถึงกรณีที่นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีตส.ส.กทม.พรรคปชป ออกมแถงข่าวว่ากรณีการจัดซื้อ เครื่องสูบน้ำชนิดลากจูง และการจัดซื้อรถขันพื้น มีความไม่โปร่งใส โดยระบุว่า เครื่องสูบน้ำชนิดลากจูงแพงเกินจริง โดยของยุโรปราคาไม่เกิน 400,000 บาทต่อเครื่อง แต่กทม.ซื้อเครื่องจากจีนในราคากว่า 900,000 บาท จำนวน 200 เครื่องทั้งที่ไม่สามารถใช้งานได้ และกรณีการซื้อรถขัดพื้นคันละ 6 ล้านบาท มีการจัดซื้อไปแล้ว 20 คัน ซึ่งตามแผนจะจัดซื้อทั้งหมด 50 คันแต่เหลืออีก 30 คัน ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ซึ่งได้ยื่นเรื่องต่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) เพื่อทำการตรวจสอบโครงการ ว่า เป็นสิทธิของนายวิลาศ ที่จะยื่นเรื่องตรวจสอบ โดยการจัดซื้อดังกล่าวหน่วยงานของกทม.ได้ดำเนินการไปตามความจำเป็น ซึ่งในส่วนของเครื่องสูบน้ำชนิดลากจูงนั้นที่ผ่านมาเมื่อเกิดน้ำท่วมการจะขน ย้ายเครื่องสูบน้ำที่ไม่ใช่ชนิดลากจูงนั้นต้องเสียเวลามากทำให้ดำเนินการ บรรเทาความเดือดร้อนประชาชนได้ช้า อีกทั้งเครื่องสูบน้ำนั้นก็จัดซื้อมาตั้งแต่สมัยน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ซึ่งมีการสอบราคาตามกฎหมายอย่งถูกต้อง

นายจุมพล กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีเรื่องรถขัดพื้นนั้น รู้ได้อย่างไรว่าไม่จำเป็นต้องใช้ เพราะปัจจุบันการดูแลสถานที่สำคัญและขนาดใหญ่ของกทม. หากจะใช้กำลังคนในการดำเนินดารก็คงไม่สามารถดำเนินการได้ จึงต้องพึ่งเครื่องจักร ซึ่งการจัดซื้อทั้งหมดนั้นก็เป็นไปตามความจำเป็นของหน่วยงานนั้นๆ ทั้งนี้ หากมีการตรวจสอบโครงการหรือเรียกเข้าไปชี้แจงก็พร้อมไปเพราะเป็นไปตาม ระเบียบ ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่กังวล และขอยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหาใดๆกับนายวิลาศ ซึ่งไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัวอย่างแน่นอน

ทั้ง นี้ โรงกำจัดขยะไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อมหนองแขม เป็นโรงกำจัดขยะไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อมแห่งแรกของกรุงเทพมหานครโดยใช้ เทคโนโลยีที่ทันสมัยสามารถเผาขยะมูลฝอยได้ไม่น้อยกว่า 300 -500 ตันต่อวันกระแสไฟฟ้าขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 5 เมกกะวัตต์ โดยไฟฟ้าที่ผลิตได้ชะใช้หมุนเวียนในโรงงานและบางส่วนที่เหลือจะส่งขายให้การ ไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) และเป็นต้นแบบโครงการกำจัดขยะมูลฝอยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม