ทำไม “เทพเจ้ากวนอูถึงหน้าแดง”

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นสมัยที่ท่านยังเป็นมนุษย์ธรรมดา ท่านเกิดมาในตระกูลยากจน ท่านยึดอาชีพเป็นช่างตีเหล็ก เพราะสรีระของท่านเป็นคนที่มีรูปร่างกำยำแข็งแรง (สูงใหญ่ 9 ฟุตจีน หรือประมาณ 6 ศอก) ในแต่ละวันรอบๆ ตัวท่านจะเห็นเศรษฐีคนรวยทั้งหลายรังแกคนจนอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ท่านรู้สึกโกรธ และโมโห เพราะท่านอยากจะช่วยแต่ไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออะไรได้

จนมาถึงวันหนึ่ง ท่านเกิดอารมณ์โกรธสุดขีด ตกกลางดึกท่านจึงเข้าไปลอบฆ่าเศรษฐีคนหนึ่งตาย ทำให้ท่านต้องถูกเจ้าหน้าที่ล้อมจับ และหนีการจับกุมไปจนถึงริมแม่น้ำสายหนึ่ง ท่านได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง จากคำบอกเล่าเชื่อกันว่า ผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นเทวดาปลอมตัวลงมาช่วย และได้แนะนำให้ท่านเปลี่ยนชื่อแซ่ จากเดิมท่านชื่อว่า “เผิงเสียน” ชื่อรอง “โซ่วฉาง” หรือ “หยุนฉาง” (แปลว่า “เมฆยาว” ในสำเนียงแต้จิ๋วออกเสียงว่า “หุนเตี๋ยง”) มาเป็นชื่อ “กวนอู” และยังแนะนำว่าในช่วงที่หนีถ้าเห็นประตูกำแพงเมืองเมื่อใด ท่านจะต้องโกนหนวดโกนเคราออก และให้ชกหน้าตัวเอง ปรากฏว่าเมื่อชกหน้าตัวเองแล้วเลือดกำเดาไหล ท่านเอามือบังหน้าตัวเอง จึงรู้ว่าเลือดไหลเต็มฝ่ามือ ท่านตกใจมากรีบล้างออก แต่ล้างอย่างใดก็ล้างไม่ออกเสียที จึงทำให้ใบหน้าของท่านเป็นสีแดงตั้งแต่นั้นมา และก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ท่านสามารถหนีรอดการจับกุมมาได้

เหตุนี้ จึงเป็นที่มาของ “เทพเจ้ากวนอูหน้าแดง” และมีประวัติเล่าขานกันมานานนับพันปีว่าเทพเจ้าองค์นี้เป็น “เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์และยุติธรรม” ของชนชาวจีน และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีประชาชนเป็นจำนวนมากนิยมกราบสักการบูชา และขอพรจากท่านเทพเจ้ากวนอูอยู่เป็นประจำ

หมายเหตุ : ประวัติช่วงท้ายที่ผมเขียนในประวัติขององค์อากงท่านเทพเจ้ากวนอู ศาลเจ้าพ่อกวนอู บริเวณชุมชนชาวตลาดสมเด็จเจ้าพระยา คลองสาน ที่ผมกราบขออนุญาตจัดทำขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2547 และมีการจัดสร้างขึ้นอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 2 ในปี 2556 (และปี 2560) พร้อมกับกราบขออนุญาตถวายแด่องค์อากงท่านเทพเจ้ากวนอู ศาลเจ้าพ่อกวนอู บริเวณชุมชนชาวตลาดสมเด็จเจ้าพระยา คลองสาน