ศึกษาวิถีเซียนให้ถ่องแท้ มิเช่นกัน อาจเจอเหมือนผม และที่แย่สุด คือ เซียนพระไม่รับเช่าพระเครื่องคืน (แม้จะมีข้อตกลงที่เคยคุยกันเอาไว้กับเซียนพระทั้ง 2 ท่าน) แต่อย่างใด อุทาหรณ์สอนใจให้เราเข้มแข็ง และยอมกลืนเลือดตัวเอง
“แต่เราก็ดีใจที่ไว้ลาย และคงไว้ซึ่งความทนงตน แม้ว่าเราจะดูโง่เขลาเบาปัญญาไปนิด แต่ก็กัดฟัน และคิดว่า ไม่เช่าคืนก็ไม่เป็นไร เพียงแต่เรื่องราวเหล่านี้เป็นอุทาหรณ์ และถอดเป็นบทเรียนที่คอยสอนใจช่วยทำให้เราต้องเข้มแข็ง และถ้ามีโอกาสก็จะได้นำมาเผยแพร่เป็นวิทยาทานในการเล่าสู่กันฟัง ถึงความโง่เขลาเบาปัญญาที่เราได้พบเจอกับเซียนพระทั้ง 2 ท่าน และวงการพระเครื่อง ในช่วงชีวิตหนึ่ง อิอิ”
ใจจร้า เมื่อสักพักใหญ่ๆ ได้พูดคุยกับแหล่งข่าวท่านหนึ่ง ก็คุยกันหลายเรื่อง รวมถึง เรื่องการเช่าหาวัตถุมงคลที่เคยเป็นข่าวด้วยนะจร้า
แหล่งข่าวท่านนี้ท่านก็เป็นห่วง และอวยพรขอให้เราสามารถแบ่งปันพระเครื่องที่เคยเช่ากับเซียนพระที่ไม่ยอมรับเช่าคืนทั้ง 2 ท่าน ซึ่งเราเองก็บอกว่าก็พยายามลองขายเอง (แบ่งปันเอง) แต่ยังขายไม่ได้เช่นกัน เพราะเราไม่มีชื่อเสียงในวงการพระเครื่อง
จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้รับจากวงการพระเครื่อง และเซียนพระบางท่าน ทำให้เรารู้สึกว่า มันไม่หมูอย่างที่คิด และการพูดคุยถามหาเครดิตเซียนพระก่อนเช่า และเมื่อเจอปัญหากับตัวเองจริงๆ ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ทั้งสิ้น ยกเว้นต้องก้มหน้ารับกรรมที่เราเป็นผู้ก่อ คือ ความอยากได้ และเมื่อยามจำเป็น ก็ไม่สามารถแบ่งปันคืนได้ หรือถูกของปลอม และที่แย่หน่อย คือ ถูกหักเปอร์เซ็นต์เวลานำไปแบ่งปันคืน ทุกอย่างก็เจอมาหมดแล้วนะจร้า อิอิ
เราก็สรุปได้ว่า การเอ็นดูเค้า เอ็นเราขาดได้เลยนะจร้า ฟังเค้าเล่า ถามเค้ามา อาจจะใช้ไม่ได้ในสถานการณ์จริง และต้องเรียนรู้วิถีเซียนให้ถ่องแท้ และอ่านใจเซียนพระที่เราจะเช่าให้ออกว่า ท่านมีนิสัย และจริงใจกับเรามากน้อยแค่ไหน เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
เหมือนกับที่เราได้พบเจอ เงินเราอาจจะช่วยให้เซียนพระที่เราเคยไปเช่าหา สามารถนำไปใช้ต่อยอดในเรื่องการเลี้ยงดูครอบครัว เช่าหาวัตถุมงคลรุ่นอื่นๆ และองค์อื่นๆ ได้ รวมถึง การลงทุนในเรื่องอื่นๆ แต่ในทางกลับกัน เงินที่เราอยากได้คืน กับทำได้ยาก และไม่หมู เวลาที่เราต้องการแบ่งปัน หรือขายคืน เพราะเซียนพระทั้ง 2 ท่านที่เราเคยเช่าหา ไม่สนใจ และไม่แม้แต่จะติดต่อ หรือพูดคุยกับเราต่อเลย นับเป็นวิบากกรรมช่วงหนึ่งของเรา
แต่เราก็ดีใจที่ไว้ลาย และคงไว้ซึ่งความทนงตน แม้ว่าเราจะดูโง่เขลาเบาปัญญาไปนิด แต่ก็กัดฟัน และคิดว่า ไม่เช่าคืนก็ไม่เป็นไร เพียงแต่เรื่องราวเหล่านี้เป็นอุทาหรณ์ และถอดเป็นบทเรียนที่คอยสอนใจช่วยทำให้เราต้องเข้มแข็ง และถ้ามีโอกาสก็จะได้นำมาเผยแพร่เป็นวิทยาทานในการเล่าสู่กันฟัง ถึงความโง่เขลาเบาปัญญาที่เราได้พบเจอกับเซียนพระทั้ง 2 ท่าน และวงการพระเครื่อง ในช่วงชีวิตหนึ่ง อิอิ
เราก็แอบหวังว่า กรรมแห่งกรรมให้ความยุติธรรมเสมอ และการกระทำของเรา คิดว่า สักวัน สวรรค์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์คงจะพอช่วยเหลือให้เราสามารถก้าวข้าม และก้าวผ่านปัญหา และอุปสรรคต่างๆ ไปได้ด้วยดีด้วยเถิด กราบสาธุ สาธุ สาธุ ด้วยนะจร้า
ทิ้งท้าย แหล่งข่าว ท่านนี้ เลยบอกว่า เฮานอกจากจะแบ่งปันวัตถุมงคลแล้ว ก็ต้องมองหาช่องทางอื่นๆ เสริมด้วยนะจร้า เพราะต้องรับศึกหลายด้านเลยนิ เราก็บอกว่า พยายามหาหนทางอยู่นะจร้า ยุคนี้สำหรับเรามันเป็นยุคข้าวยากหมากแพงมากๆ เลยนะจร้า
“เราเองก็พยายามอยู่นะจร้า แต่ยังคงไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้เท่าที่ควรในขณะนี้นะจร้า อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักพักหนึ่ง และมองหาโอกาสใหม่ๆ เพิ่มเติมอีกทีนะจร้า เพราะหนี้สินไม่ได้หยุดตามวันเวลาที่กำลังจะพาดผ่านในแต่ละวันเลยนะจร้า อิอิ”
สรุปว่า ต้องสู้ๆ จึงจะชนะ ชัยชนะกำลังรอเราอยู่นะจร้า คิดบวก ไม่คิดลบจร้า