เรียกร้องให้มีการจัดตั้ง กระทรวงตรวจสอบ และรับรองพระเครื่อง พระบูชา และวัตถุมงคลอย่างเป็นทางการในอนาคต!
* เน้นติดป้ายระบุประเภทพระเครื่องที่แน่ชัด เช่น พระแท้ พระปลอม พระย้อนยุค พระทำเลียนแบบ พระใหม่ และกำกับราคากลาง และราคาขายที่ชัดเจน ออกบทลงโทษผู้กระทำผิด-ช่วยผู้ที่ถูกหลอกอย่างจริงจัง
ช่วงนี้ทุกๆ วงการเริ่มตื่นเต้น และให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจที่เน้นขายของแท้ ไม่เน้นขายของปลอม และทุกหน่วยงานให้ความตระหนัก และเร่งตรวจสอบช่วยเหลือผู้บริโภคที่ซื้อสินค้า และได้สินค้าไม่ตรงปก หรือได้ของไม่แท้ และไม่สามารถคืนเงินได้เต็มจำนวน หรือถูกเมินเฉยจากผู้ขายเหมือนสมัยก่อน
ต้องยอมรับว่า “ในแต่ละวงการ เริ่มมีผู้เสียหายรวมตัวกัน และเดินหน้าเอาจริงเอาจังกับผู้จำหน่าย และให้ชดเชย หรือชดใช้อย่างจริงจัง และพร้อมต่อสู้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด”
วงการพระเครื่องก็เป็นอีกหนึ่งวงการที่มีผู้เสียหายที่เคยได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน และบางท่านก็เริ่มมีหวัง และมีกำลังใจเพิ่มขึ้นหลังจากได้เห็นข่าว และเริ่มมีประชาชนตระหนัก และออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเองเพิ่มขึ้น อย่างเช่น ในวงการพระเครื่องเองที่ผู้เสียหายบางท่านเคยเช่าหาพระเครื่องมาในราคาแพง ราคาสูง แต่กลับได้พระปลอม พระไม่แท้ หรือไม่แท้ทุกสนาม ไม่แท้ทุกกลุ่ม อีกทั้งยังเรียกร้องความเสียหายได้ยาก ถูกหักเปอร์เซ็นต์ บ้างก็ถูกเพิกเฉย และไม่ยินดีรับผิดชอบแต่อย่างใด
ประสบการณ์ของนักสะสมท่านหนึ่งที่เคยเช่าหา และได้พระปลอม พระไม่แท้ :
นักสะสมท่านหนึ่งเคยเล่าให้ผมฟังแบบอายๆ ว่า “ถ้าเช่าพระแพงหน่อย ไม่เป็นไร ขอให้เป็นของแท้ สวย และถูกใจ เท่าใดเราก็สู้ แต่มันพีคตอนจะขายนี่สิ ดันขายไม่ได้ เซียนบางท่านไม่ซื้อ บางท่านบอกไม่เล่น บางท่านพูดตรงๆ บอกว่า ไม่แท้ บางท่านก็บอกว่าไปทำกระไหล่มาใหม่ บางท่านก็บอกว่าไม่เดิม ส่งผลต่อราคา รวมถึงการปฎิเสธการซื้อแทบทั้งสิ้น ครั้นจะกลับไปขายคืนเซียนคนเดิม บางทีก็หักเปอร์เซ็นต์เยอะๆ บางทีก็บอกว่า ไม่รับซื้อคืน แต่ที่แย่คือบางคนยืนกรานว่าขายพระแท้ แต่ในขณะเดียวกัน ผู้เช่าไปขายใครไม่ได้ นับว่า เป็นประสบการณ์ตรงที่แหล่งข่าวท่านนี้เคยพบเจอมา”
แหล่งข่าวท่านนี้ เล่าต่อว่า “เพราะเราดูพระไม่เป็น เราจึงยอมเช่าแพงหน่อย อีกทั้งในวงการพระเครื่องจากประสบการณ์ส่วนตัว เวลาเกิดปัญหาขึ้น เราหาคนช่วยเหลือยาก เพราะทุกคนแทบไม่มีใครเค้าอยาก หรือกล้าช่วย คือเค้าไม่อยากมีปัญหากับเซียนพระด้วยกัน ยกเว้นเราต้องช่วยตัวเอง และหาวิธีเจรจากันเอง” ซึ่งปัจจัยเสี่ยงตรงนี้ค่อนข้างแตกต่างจากวงการอื่นๆ หรือวงการทองคำแท้ เพราะวงการทองคำนั้นเราสามารถเอาไปขายได้ทุกที่ขอให้เป็นทองคำแท้ แต่ถ้าเป็นพระไม่แท้ เราขายไม่ได้เลย หรือถ้าแท้เฉพาะกลุ่ม แต่ไม่แท้ทุกกลุ่มเราก็ขายไม่ได้เช่นกัน
ความแตกต่างระหว่างวงการทองคำ กับวงการพระเครื่อง พระบูชา และวัตถุมงคล :
อีกทั้งพระเครื่องนั้นมีความแตกต่างจากทองคำอยู่มาก เพราะนอกจากต้องเน้นในเรื่องพระแท้แล้ว ยังต้องถูกต้องตามหลักสากล ความสวย ความสมบูรณ์ สภาพของวัตถุมงคล การซ่อม แตก หัก ชำรุด ทำใหม่ และอื่นๆ อีกมากมายล้วนมีผลต่อราคาแทบทั้งสิ้น
“ใจจริงเราเองก็อยากจะเรียกร้องให้มีหน่วยงานภาครัฐฯ เข้ามาช่วยเหลือเวลาเกิดปัญหาขึ้น ตรงนี้กราบเรียนตามตรงว่า เรายังขาดหน่วยงานรัฐฯ หรือหน่วยงานที่เป็นของรัฐฯ เข้ามาช่วยกำกับดูแล ตรวจสอบ และรับรองมาตฐานที่แท้แบบสากล มีการรองรับโดยภาครัฐฯ สมกับเป็น Soft Power ในหมวดหมู่พระเครื่อง และวัตถุมงคลที่มีชื่อเสียง และโด่งดังไปทั่วโลกของประเทศไทย”แหล่งข่าวท่านเดิม กล่าว
พร้อมกับระบุเพิ่มเติมว่า “อยากให้ภาครัฐฯ จัดตั้งกระทรวงตรวจสอบ และรับรองพระเครื่อง พระบูชา และวัตถุมงคลอย่างเป็นทางการขึ้นมา เพื่อช่วยเหลือทั้งผู้จำหน่าย และผู้เช่าหา และนักสะสมในโอกาสต่อไป เพื่อคอยทำหน้าที่ช่วยคัดกรอง ตรวจสอบ และออกบัตร หรือหนังสือรับประกัน หรือรับรองพระแท้ให้กับทั้งผู้จำหน่าย และผู้เช่าหาด้วยนะครับผม
ขณะเดียวกัน ก็ให้ภาครัฐฯ หรือ กระทรวงตรวจสอบ และรับรองพระเครื่อง พระบูชา และวัตถุมงคล กำชับให้ผู้จำหน่าย หรือร้านค้าติดแทบ หรือกระดาษ หรือตราสัญลักษณ์รับรองพระเครื่อง พระบูชา และวัตถุมงคลแต่ละชนิด และประเภทเลยว่า พระรุ่นนี้เป็นพระแท้ พระทำเลียนแบบ พระย้อนยุค พระใหม่ พระปลอม จัดทำสถิติ และเก็บรวบรวมประวัติ การจัดสร้าง เนื้อพระ จำนวนการจัดสร้าง สถานที่ใดจัดสร้าง ให้รายละเอียด และสามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจน และเป็นรูปธรรมเพิ่มขึ้น
ยกระดับพระเครื่อง พระบูชา และวัตถุมงคลของประเทศไทย (Soft Power) :
การปรับเพิ่มมาตรฐาน และรูปแบบการดำเนินการที่เป็นสากล และมีการรองรับของกระทรวงตรวจสอบ และรับรองพระเครื่อง พระบูชา และวัตถุมงคล จะยิ่งช่วยทำให้วงการพระเครื่อง พระบูชา และวัตถุมงคลของประเทศไทยเติบโตเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังช่วยเหลือทั้งผู้จำหน่าย และผู้เช่าหา หรือนักสะสมได้เป็นอย่างดี และเป็นการชักชวนให้นักสะสมที่อาจจะ หรือเคยผิดหวังให้หวนกลับเข้าสู่สนามพระของเมืองไทยอีกครั้ง
“ในขณะเดียวกันก็มีผู้เล่น และนักสะสมรายใหม่ๆ เกิดขึ้นในแต่ละวันเพิ่มขึ้น ดังนั้น การมีบรรทัดฐาน และมาตรฐานที่ดีย่อมเป็นสิ่งการันตี และช่วยเกื้อหนุนให้วงการพระเครื่องมีการเติบโตอย่างมั่นคง เป็น Soft Power ที่เข้มแข็งของประเทศไทยอีกอย่างหนึ่งเลยทีเดียว”
แหล่งข่าวท่านนี้ กล่าวทิ้งท้ายว่า “พวกเรามาช่วยกันสร้าง และยกมาตฐานให้กับวงการพระเครื่อง พระบูชา และวัตถุมงคลของประเทศไทยร่วมกัน มาช่วยกันผลักดันให้มีกระทรวงตรวจสอบ และรับรองพระเครื่อง พระบูชา และวัตถุมงคล เพื่อช่วยกันตรวจสอบวงการพระเครื่องร่วมกันในอนาคต ตรงนี้จะช่วยสร้างฐานลูกค้านักสะสมพระเครื่อง พระบูชา และวัตถุมงคลในประเทศ และต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างยิ่งในอนาคต เป็นการช่วยผลักดัน Soft Power ของเมืองไทยให้เติบใหญ่ และเป็นที่รู้จักของคนต่างชาติเพิ่มขึ้นในอนาคตด้วยนะครับผม”
มาช่วยกันผลักดันให้มีการรับรองฯ และจัดตั้งกระทรวงตรวจสอบ และรับรองพระเครื่อง พระบูชา และวัตถุมงคล ร่วมกัน :
ได้ฟังอย่างนี้แล้ว โดยส่วนตัวรู้สึกว่า ดีมากๆ เลยนะครับ “ถ้าพวกเรามาช่วยกันสร้างบรรทัดฐานใหม่ ใส่ใจลูกค้า นักสะสม และช่วยกันปรับปรุงแก้ไข และช่วยยกระดับการให้บริการ เน้นให้เช่าวัตถุมงคลที่มีคุณภาพ แท้ สากล แท้ทุกตา ทุกกลุ่ม มีการรับซื้อกันแบบทองคำแท้ มีภาครัฐฯ หรือสถาบันของภาครัฐฯ รองรับ โดยเฉพาะกระทรวงตรวจสอบ และรับรองพระเครื่อง พระบูชา และวัตถุมงคล มีการตรวจสอบผู้ขาย ขึ้นทะเบียนผู้ขาย ออกใบรับรองให้ผู้ขาย ออกบทลงโทษผู้ขายที่มีการกระทำความผิด หรือมีการตรวจสอบผู้ขายอย่างจริงจังและเพิ่มขึ้น ขึ้นทะเบียนการค้า มีการรับประกันและรับรองคุณภาพสินค้ากำกับลงไปอย่างชัดเจน
และที่สำคัญ มีการกำหนดราคากลางที่ชัดเจน ทำให้ทุกอย่างเป็นระบบระเบียบ เน้นเทคโนโลยีเข้าช่วยในการตรวจสอบ และทำการศึกษา วิเคราะห์ และวิจัยเพิ่มขึ้น ปัจจัยเหล่านี้จะยิ่งช่วยยกระดับอุตสาหกรรมพระเครื่อง พระบูชา และวัตถุมงคลของไทยเพิ่มขึ้นในอนาคตทั้งสิ้น”
นับว่าเป็นคำแนะนำที่น่าสนใจนะครับผม การยกระดับมาตรฐานให้กับวงการพระเครื่อง พระบูชา และวัตถุมงคลนั้นเป็นเรื่องที่ดี และการช่วยป้องกันให้ลูกค้านักสะสมที่ได้ หรือเคยประสบพบเจอกับปัญหา และต้องเผชิญกับปัญหาด้วยตัวคนเดียว สามารถหาแห่งที่พึ่งพา และมีเป้าหมายในการดำเนินการต่อสู้ในวัน และเวลาที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้น อาทิเช่น เช่าหาได้ของปลอม ของไม่แท้ ของไม่ตรงตามหลักสากล ของแท้แต่ไม่แท้ทุกสนาม ขายคืนลำบาก ถูกหักเปอร์เซ็นต์เกินกว่าความเป็นจริง และที่ย่ำแย่สุด คือ บางท่านถูกลอยแพไม่รับเช่าคืนก็มี
ขอแรงภาครัฐฯ ช่วยเป็นสื่อกลางในการตรวจสอบพระเครื่อง พระบูชา และวัตถุมงคลอีกแรง! :
การตรวจพิสูจน์โดยปราศจากหน่วยงานภาครัฐฯ ช่วยกำกับดูแลค่อนข้างส่งผลต่อการต่อสู้คดี และค่อนข้างหาคนช่วยเหลือ ช่วยคุย ช่วยเจรจายากมากจนถึงมากที่สุด สุดท้ายต้องต่อสู้กันเองระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย และอาจจะจบลงด้วยการเจรจาที่สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง นับว่า ไม่ค่อยมีเสถียรภาพเหมือนกับการซื้อขายทองคำที่เราสามารถจบได้ในร้านค้าอื่นๆ ที่มีการรับซื้อขายทองคำ ขอให้เป็นทองคำแท้ 96.5 เปอร์เซ็นต์ หรือ 99.99 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น และสามารถขายคืนได้ในทุกสภาพของสินค้าที่เป็นทองคำ ซึ่งตรงนี้แตกต่างจากพระเครื่อง พระบูชา และวัตถุมงคลอย่างมากเลยนะครับผม
จรรยาบรรณ และการค้า ชื่อเสียง และความรู้ ความสามารถของเซียนพระจึงเป็นเครื่องการันตีและช่วยยืนยันให้ลูกค้านักสะสมรู้สึกอุ่นใจ และสบายใจ แต่จากหลายๆ เคสตอนเช่าหานั้นค่อนข้าง หรือแทบไม่มีปัญหาเกิดขึ้น ส่วนใหญ่จะเกิดปัญหาเวลาต้องการขายคืน หรือไปขายแล้วขายไม่ได้ เพราะไม่มีเซียนพระรับซื้อ อันเนื่องมาจากดูว่า พระเครื่ององค์นั้นๆ ไม่แท้ ไม่สากล หรือแท้ไม่ทุกสนามนะครับผม สุดท้ายก็ต้องส่งคืนเจ้าของเดิม ซึ่งก็อาจจะยืนกรานว่าให้เช่าของแท้ หักเปอร์เซ็นต์ มากบ้างน้อยบ้าง หรือตามแต่สถานการณ์ จนถึงบางท่านไม่รับเช่าคืนก็มีเช่นกันนะครับผม
สรุปแล้ว ช่วงนี้ในทุกๆ วงการเริ่มตื่นตัว และเริ่มรวมตัวกันเรียกร้องปัญหาที่ตนเองได้รับ และทยอยเกิดขึ้นในแต่ละอุตสาหกรรม ดังนั้น ในวงการนักสะสมพระเครื่องที่เคยเช่าหาพระเครื่องในราคาแพงๆ สูงๆ แต่ได้พระไม่แท้ พระไม่สากล หรือพระปลอม หรือพระไม่แท้ทุกสนาม อาจจะมีการหวั่นไหวบ้างถ้าเกิดมีการรวมตัวกัน และร้องเรียน แจ้งความดำเนินคดีกับเซียนพระที่เคยไปเช่าหามาในช่วงก่อนหน้าได้เช่นกัน