สกู๊ปพิเศษ มิสเตอร์เฮา วรายุภัสร์ (ชื่อเดิม วีรพงษ์) อัสดรธีรยุทธ์ ฉบับ B1270 ประจำวันที่ 05-11 มิ.ย. 2560

ฟอร์ดแนะปรับพฤติกรรมการขับขี่เล็กน้อยช่วยประหยัดน้ำมันได้เพิ่มขึ้น

ฟอร์ดได้ทำการศึกษาเพื่อค้นหาว่าพฤติกรรมการขับขี่ที่มีผลต่อการใช้น้ำมัน และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อกิโลเมตรอย่างใด และพบว่าลักษณะนิสัยการขับขี่แบบ Eco-Driving หรือการขับขี่อย่างชาญฉลาดเพื่อประหยัดพลังงานจะช่วยลดทั้งอัตราการใช้น้ำมัน และการปล่อยไอเสียได้มากที่สุดถึง 25 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับการขับขี่แบบ "ค่าเฉลี่ยปกติ" ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงวิธีการขับขี่เพียงเล็กน้อยจะสามารถประหยัดน้ำมันได้เพิ่มขึ้น

ฟอร์ดได้เผยเคล็ดลับดีๆ ที่สามารถดำเนินการได้อย่างง่ายๆ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนสไตล์การขับขี่เล็กน้อยเท่านั้น แต่สามารถช่วยประหยัดน้ำมัน และร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น

สำหรับวิธีการช่วยทำให้ผู้ขับขี่ประหยัดน้ำมันนั้นมีมากมาย อาทิ การขับขี่อย่างนิ่มนวล ซึ่งปกติแล้วการขับขี่แบบก้าวร้าว เช่น การเหยียบคันเร่งอย่างรวดเร็วและการเบรคแบบกระทันหันล้วนแต่ต้องใช้น้ำมันเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ผู้ขับขี่จึงควรค่อยๆ เร่งความเร็ว เบรคอย่างนุ่มนวล ทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้า และไม่เปลี่ยนเลนไปมาโดยไม่จำเป็น

การลดความเร็วลง โดยการขับรถเร็วนั้นกินน้ำมันมาก การลดความเร็วจาก 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาเป็น 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะช่วยให้ผู้ขับขี่เพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันได้ถึง 10 – 15 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ควรขับรถด้วยความเร็วคงที่ เพราะการเหยียบคันเร่งบ่อยๆ ทำให้รถต้องส่งน้ำมันไปที่เครื่องยนต์มากขึ้น

การติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้หลังสตาร์ทรถนั้นอาจเป็นสาเหตุทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน โดยผู้ขับขี่อย่าติดเครื่องทิ้งไว้ เนื่องจากเครื่องยนต์ในปัจจุบันนั้นไม่ต้องการการอุ่นเครื่อง ผู้ขับขี่สามารถสตาร์ทรถและค่อยๆ ขับออกไปได้ทันที ซึ่งการติดเครื่องไว้เป็นเวลานานนั้นเป็นการเพิ่มการปล่อยไอเสีย และยังสิ้นเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุ

พยายามอย่าบรรทุกของที่ไม่จำเป็น โดยการลดจำนวนของที่เก็บไว้ท้ายรถหรือที่เบาะหลังจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน เนื่องจากเครื่องยนต์จะใช้น้ำมันน้อยลงตอนเร่งเครื่อง

รวมถึงการลดการต้านลม โดยการติดกล่องใส่ของขนาดใหญ่หรือรถจักรยานไว้บนหลังคาเป็นการเพิ่มจุดต้านลม โดยฟอร์ดแนะนำให้พยายามใส่ของหรืออุปกรณ์ต่างๆ ไว้ภายในหรือติดไว้ที่ท้ายรถ พร้อมปิดกระจกและหลังคาซันรูฟ เพื่อช่วยลดการต้านลมและเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน

และเลือกใช้โหมด Cruise Control โดยการใช้โหมดดังกล่าวนี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่เผลอขับรถเร็วและใช้น้ำมันอย่างสิ้นเปลืองโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้ ยังช่วยคงความเร็วของรถและไม่ใช้น้ำมันเพิ่มเติมเวลาเร่งเครื่อง

หลากหลายมาตรการที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ประหยัดน้ำมัน โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากเดิมเพียงเล็กน้อย ขณะที่การดูแลรถยนต์นั้นก็สำคัญ ซึ่งฟอร์ดแนะเคล็ดลับการดูแลรถยนต์สม่ำเสมอจะช่วยผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการตรวจเช็คเครื่องยนต์เป็นประจำ หมั่นบำรุงรักษาเครื่องยนต์จะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำมันได้เฉลี่ย 4 เปอร์เซ็นต์ และที่สำคัญ สิ่งที่ได้ประโยชน์มากสุดคือการเปลี่ยนตัววัดค่าออกซิเจนในไอเสีย (Oxygen Sensor) จะช่วยเพิ่มระยะทางการขับขี่ และการใช้น้ำมันได้สูงสุดถึง 40 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

การเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่เหมาะกับเครื่องยนต์นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน โดยพยายามเลือกใช้น้ำมันเครื่องตามเกรดที่ผู้ผลิตระบุไว้ในคู่มือ ซึ่งข้อดีจะช่วยให้ระบบหล่อลื่นของเครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ขณะที่การใช้น้ำมันผิดเกรดจะลดประสิทธิภาพการใช้น้ำมันลงไปถึง 2 เปอร์เซ็นต์

ทิ้งท้ายผู้ขับขี่นอกจากหมั่นตรวจเช็คเครื่องยนต์สม่ำเสมอแล้ว สิ่งที่ต้องตรวจเช็คอย่างเป็นประจำอีกอย่างคือลมยางของรถยนต์ รวมถึงสภาพยางรถยนต์ โดยข้อดีของการเติมลมยางที่เหมาะสม คือ ปลอดภัย ควบคุมได้ดี ใช้งานได้ยาวนาน และยังประหยัดน้ำมันได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย